1956 vespa 150 เป็นรถเวอร์ชั่นแฮนด์แป๊บ " ตะเกียบบน " อยู่ในช่วงปี 1953 โมเดล 125U มันคือรถรุ่นใหม่ที่อยู่ภายใต้คอนเซ็ปต์ที่ของโรงงานต้องการจะลดต้นทุนการผลิตแต่ไซด์การผลิตเครื่องยนต์ขนาด 125 ซี.ซี. รุ่น " ตะเกียบล่าง " ก็ยังได้รับการผลิตอยู่แต่ที่น่าเสียดายเพราะ ( vespa 125/1953 ) ถือเป็นรุ่นสุดท้ายในไซด์การผลิตที่ยังใช้เครื่องยนต์ขนาด " เล็กสุด " และแสนประหยัดล๊อดนี้ 1954 - 1956 จุดปฎิวัติครั้งสำคัญในการออกแบบหน้าตารถแบบใหม่ขึ้นเลย โดยการเปลี่ยนแปลง จั่วหัวด้วยการย้ายกระโหลกไฟจากบังโคลนหน้า ( Fender Light ) เปลี่ยนเอามาไว้บนแฮนดเดิ้ลท่อกลม แต่ก็ยังคงเปลือยให้เห็นการทำงานของกลไกการปรับเปลี่ยนเกียร์/คันเร่ง แบบสายเคเบิ้ลที่โชว์เด่นออกมาด้านนอก เครื่องยนต์ล๊อดนี้ประหยัดและได้รับการขยายปริมาตรกระบอกสูบใหม่ให้มีความจุถึง 145.6 ซี.ซี. ( 57x57 มม. ) ที่อยู่บนโครงสร้างขึ้นรูปด้วยแผ่นเหล็กหนาอย่างรุ่นปี 1953 แต่ได้ทำการปรับทรวดมรงด้ายท้ายกระโปรงด้านขวาครอบเครื่องยนต์ โมเดลปี 1956 นั้น ได้ออกแบบเป็นกระโปรงเต็มแผ่น ( ไม่หั่นเว้าอย่างรุ่นปี 1953 ) ที่เปิดล๊อกอยู่ด้านบนหากเราต้องการซ่อมเครื่องยนต์ มีช่องระบายอากาศ 7 แถวทรงรี ล้อหน้า/หลังขนาด 3.50x8นิ้วบนดุม แบบดรัมเบรก ที่ได้ทำการขยายเส้นผ่าศูนย์กลางให้ใหญ่ขึ้นอีกสักหน่อย ( ข้างละ 1 มม. เป็น125/127 มม. ) ระบบโช๊ตหน้ายังคงเป็นแบบคอยสปริง ที่ทำการแยกกระบอกน้ำมันไฮดรอลิกออกจากกัน ส่วนโช๊ตอัพหลังทรงกระบอกคอยล์สปริงรวมกระบอก เป็นพาร์ทมาตรฐาน
1956 vespa 150 กะโหลกไฟหน้า แบบจีบสันในรุ่น 125U ถูกแทนด้วยหัวไฟรูปร่างหน้าตาใหม่แบบที่แค่เป็นเอกลักษณ์ ( ทางบ้านเรา เรียกว่า รุ่นหัวโต ) รถรุ่นนี้เริ่มติดตั้งมาตรวัดเรือนไมล์ทรงสี่เหลี่ยมเป็นรายแรก และยังรวมรายละเอียดปลีกย่อย เล็กๆ น้อยๆ ที่อยากแตกต่างเป็นไปตามแผนพัฒนาโมเดลในแต่ละรุ่น โดยเฉพาะรุ่นปี 1956 ซึ่งเป็นโมเดลรุ่นส่งท้ายสำหรับเวอร์ชั่นรถ " คอหงส์ " ( Swan Neck ) เช่น การเพิ่มเส้นสันขอบนอกบนดั้งจมูกที่ติดตั้งแตร สวิตช์ควบคุมสั่งงานเกียวกับระบบไฟต่างๆก็ดูแปลกตาด้วยรูปทรงเหลี่ยมโค้งมนที่ประกบเข้ากับคันเร่ง ได้ทำการออกแบบให้เรียบดูเหมือนเป็นงานชิ้นเดียวกัน สวิตช์กุญแจคอทองเหลืองก็ติดตั้งไว้เหนือกรวยท่อร้อยสายเคเบิ้ล ซี่ดุมแบบจีบดักอากาศระบายความร้อนของดุมเบรกที่เรียกว่า " ฝาจีบ " เป็นแผนสำหรับดุม vespa รุ่นคลาสสิกที่ผลิตต่อๆมา ท่อไอเสีย และการติดตั้งได้ทำการออกแบบใหม่ ถังน้ำมันเพิ่มเป็น 6.2 ลิตร ทรง 5 เหลี่ยม ยส่วนตะแกรงหลังยังคงรูปแบบเหมือนรูปทรง " A " เพรียวบางและยาวกว่า ที่ทำการยึดแน่นเข้าตรงตำแหน่งเสาหลักยึดเบาะเดี่ยว 2 จุด และตรงตำแหน่งส่วนโค้งของบอดี้ด้านท้าย และได้ติดตั้งไฟท้ายทรงสี่เหลี่ยมทับทิมสีแดง แบบเดียวกับรุ่นปี 1953 เป็นงานปิกจ๊อบ
1956 vespa GS150 ( VS2M ) เป็นรถสายพันธ์ GS 150 ถูกพัฒนาจากเครื่องยนต์รถแข่งที่ vespa ที่ประสบความสำเร็จและเป็นเจ้าของสถิติมายาวนานเครื่องยนต์ " ทายาทความเร็ว " ที่ผลิตเพื่อการใช้โดยทั่วๆไป เกิดขึ้นครั้งแรกปี 1955 ( สายเกียร์นอก/VS1M ) โดยให้ชื่อว่า Gran Sport ( Gs ) ในฐานะรถจักรยานยนต์ 150 ซี.ซี.ที่สามารถทำความเร็วได้เกิน 100 กม. /ซม. ซึ่งเป็นคาวมภาคภูมิใจ แล้ว ทั้งรูปร่างหน้าตาที่เน้ไปในทาง " รถสปอร์ต " แล้วได้เปลี่ยน กะโหลกไฟหน้าเป็นเส้นผ่าศูนย์กลาง 4.5 นิ้ว และหันมาใช้สัญลักษณ์ " P " ที่ทำจากทองเหลืองลงสีอบความร้อนตรงตำแหน่งบังลมด้านหน้า บนชุดเกียร์ขับเฟืองแบบ 4 สปีด ที่ปรับอัตราทดให้สามารถออกตัวและทำความเร็วช่วงต้นได้เป็นอย่างดี และด้วยความเร็วเช่นนี้ระบบเบรกแบบดรัมจึงได้ทำการปรับเปลี่ยนขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเพิ่มเป็น 150 มม. ทั้งหน้า/หลัง และเปลี่ยนไปใช้ล้อขนาด 10 นิ้ว ที่ใช้ยางขนาด 3.50 นิ้ว แน่นนอนว่าเพิ่มความปลอดภัยกว่ายาง 8 นิ้ว เป็นแน่นนอนใช่บาวละท่านๆ
สำหรับรถที่ผลิตในอิตาลี ภายใต้แบรนด์ Piaggio ( 1956/VS2M ) ก็ได้เปลี่ยนแปลง บอดี้เหล็กขึ้นรูปถูกขยายความกว้าง/ความสูง ขึ้นไปอีก 10 มม.รวมไปถึงการปรับเปลี่ยนระบบสั่งงาน คันเกียร์/คันเร่ง แบบสายเคเบิ้ลด้านนอกได้ถูกนำกลับมาซ่อนไว้ด้านในแกนคอ ส่งการทำการกลับไปสู่กลไกตอนท้ายเครื่อง แต่ก็ยังได้รับอิทธิพลของรถรุ่น 1955 สืบทอดเป็นเอกลักษณ์ไว้ได้อย่างครบครัน เช่น เครื่องยนต์แสนประหยัดแบบทำงานเฉพาะตัว " ลูกสูบวิดน้ำมัน " เพียงแค่ปรับจูน ลดขนาด ของกำลังเล็กน้อย ( 1:7 เหลือ 1:65 ) เมื่อทำงานกับคาร์บูเรเตอร์ของ Deell'Orto ขนาด 23 มม. ( UB23 S3 ) สมารถผลิตกำลังและรอบเครื่องใหม่ที่ 7.8 แรงม้า 7,000 รอบ/นาที ส่วนที่กระโปรงอ้วนกลมก็ยังปิดล๊อกด้วยชุดกลไก " เข็มสลัด " ที่ได้รับอิทธฺพลมาจากรถแข่งรายการ six-Day Trial ครีบระบายความร้อน แบบ 7 ช่อง รับกับฟอร์แมตฝาครอบพัดลม แบบ 3 ช่อง ยังรวมไปถึงมาตรวัด " ทรงเหลี่ยม " ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ไปเสียแล้ว
1961 vespa 150GS ( VS5M ) มีการปรับเปลี่ยนให้เห็นอยู่พอสมควร ได้แก่ บอดี้เหล็กขึ้นรูปถูกขยายความกว้าง/ความสูง ( กว้าง10 มม./สูง15 มม. ) นอกจากนั้นก้อยังคงใช้เค้าโครงของปี 1955 แล้วก้อเครื่องยนต์แบบบแสนประหยัด เหมือนรุ่น ( VS2M ) แต่จะปรับเปลี่ยนตรงส่วนกระโปรงอวบอ้วนที่ชินตา จากเดิมที่ใช้เป็นชุดกลไก " เข็มสลัด " ก็ได้เปลี่ยนมาเป็น " บิดล๊อกเดือย " มาตรวัดก็ได้ทำการปรับเปลี่ยนเช่นกัน จาก " ไมล์ทรงเหลี่ยม " ปรับเปลี่ยนมาเป็น " ไมล์รูปทรงพัด " ถือเป็นความสปอรด์ส่งท้ายขบวน ก่อนเข้า สู่งาน " ปฎิวัติพิมเขียว " ให้รถรุ่นใหม่ๆ ในไลน์ของ 160GS Mk. ( 1962 )
1962 vespa 160GS Series-l เป็นการปฎิวัติ " พิมพ์เขียว " ที่เกิดขึ้นในห้วงเวลาหนึ่งของโรงงานผลิตจักรยานยนต์ที่เกิดขึ้นเป็นอิทธิพลมาจากสงครามโลกทิ้งไว้ให้ เครื่องยนต์ หน้าตา มันคือที่มาของรถพาณิชย์ในแบบรูปลักษณ์ใหม่ๆหลังจากได้รับการจัดวางในตลาด " แมสโปรดักด์ " คือ คำเรียกสั้นๆในไลน์การผลิต " จีเอส - เก๊ะหลัง " ล้อเล็ก
หลังจากประสบความสำเร็จ จากรุ่น 150GS เป็นอย่างมาก ที่สร้างขึ้นจากพิมพ์เขียวคลาสสิกแบบเก่า จากรุ่นปี 1955 - 1962 " จุดเปลี่ยน " ของรถตระกูล GS ( Series- l ) ได้ทำการปรับปรุงครั้งใหญ่ เครื่องยนต์ " ลูกสูบวิดน้ำมัน " ขนาด 160ซี.ซี.พร้อมสวิงอาร์มแบบใหม่ ได้รับการพัฒนาให้มีการเผาไหม้เดิมจาก 57x57 เป็น 58x60 มม. เมื่อทำงานร่วมกันกับชุดข้อเหวี่ยง ระบบลูกปืน รวมไปถึงระบบไหลเวียนไอเสีย จึงทำให้มีแรงม้าเพิ่มขึ้นสูง การทำงานของเครื่องยนต์ที่ไหลลื่นและทำงานได้นุ่มนวล และยังได้ทำการเปลี่ยนแปลงรูปร่างหน้าตา จากบอดี้เหล็กขึ้นรูปอวบอ้วนโมโนค็อก ถูกเรียกว่าเป็นศิลปะแขนง " วินเทจคลาสสิก " ถูกปรับโฉมใหม่ด้วย " โมเดิ้ลคลาสสิก " ซึ่งทั้งเพรียว เบาและดูเป็นรถสปอรด์มากว่าทุกคันที่ได้ทำการผลิตมาระบบ โช้คอัพหน้าแบบตะเกียบแขนเดี่ยวคานสวิง ก็ได้ถูกรวมชุดคอยล์สปริงเข้าไว้กับแกนไฮดรอลิก มันทำให้นุ่มขึ้น และปลอดภัยขึ้นอีกด้วย " จุดเด่น " ที่เป็นจุดขายเลยของรถรุ่นนี้ อยู่ที่กล่องเก็บของที่อยู่เหนือชุดแป้นไฟท้าย บ้านเราเรียกว่า " เก๊ะหลัง " แต่กลับเป็นจุดบอด ไปเมื่อใส่ของเต็มเก๊ะแล้ว ทำให้สมรรณนะในการทรงตัวลดน้อยลง น้ำหนักไปลงที่ด้านหลัง โรงงานได้รับฟังเสียงคนวิจารณ์ด้านนี้เลย เพิ่มทางเลือกไว้อีกรุ่นถัดมา ถูกเรียกว่า " จีเอส-เก๊ะหน้า " ( Series-ll )หน้าตามาพร้อมใหม่ พร้อมชุดหัวกะโหลกหน้ารีเซพ เน้นเรื่องงานออกแบบที่ผสมเข้ากับหลักอากาศพลศาตร์ ไมลล์รูปพัด นี่คือพลรวมงานของ Art-deco ที่ออกแบบรับกับชุดไฟท้ายทับทิมบนกรอบอะลูมิเนียม ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ไลน์การผลิต ของ " จีเอส-เก๊ะหลัง " ( Series-l ) แล้วยังคงมีการแบ่งไลน์การผลิตมาเป็น 2 ล๊อต " ท้ายกลม "เป็นงานบอดี้ขึ้นรูป ส่วนท้ายตีโป่งสโลปตามเส้นสันบั้นท้าย ส่วนล๊อตหลัง " ท้ายเหลี่ยม " ถูกแทนด้วยกรอบสันปั๊มขึ้นรูปเหลี่ยม เพื่อการติดตั้งแผ่นป้ายทะเบียนรถ
1964 vespa 150 เครื่องยนต์ได้ถูกปรับเปลี่ยนตำแหน่ง มาไว้ทางซ้าย ด้านขวา เป็นที่อยู่ห้องกักอากาศขนาดใหญ่ เฟืองสตาร์ทซี่รอบแบบใหม่ ถูกตั้งแทนที่ เคสเครื่องยนต์ก็แปลกจากรุ่นก่อนอย่างเห็นได้ชัดเลยก็ว่าได้ เทคโนโลยีที่ทำให้ภาพรวมรถดู แคบลง อย่างเห็นได้ชัด เหลือเพียง 26 นิ้ว จากเดิม 31 นิ้ว แต่ฐานล้อยาวขึ้นเป็น 69.5 นิ้ว จากเดิม 67 นิ้ว ยิ่งส่วนท้าย บริเวณจุดวางถังน้ำมันเชื้อเพลิง ที่ปรับให้ดูสูงขึ้น ให้ดูเรียบตรงๆไม่ได้โค้งเหมือนรุ่นก่อน กระโปรงท้ายยึด 2 จุด กลไก บิดล๊อก ได้รับการปรับปรุง โดยการออกแบบ ซี่ร่องเป็นเส้รยาวป้องกันตัวพัดลมที่ต่างได้รับการออกแบบใหม่ให้ดู กลมกลืนและยังดูสวยงามอีกด้วย
vespa 90Series เป็นรถรุ่นเล็กจากตระกูล Small ผลิตจากโรงงาน Piaggio และได้ เผยโฉมครั้งแรกปี 1963 เป็นการขึ้นรูปบอดดี้ชิ้นเดียวที่ทันสมัยและได้มีการตอบรับกับรถรุ่นนี้เป็นอย่างมากมาย เครื่องยนต์สูบตั้ง ทำมุม 45องศา เป็นความแปลกใหม่ และได้รับการสร้างสรรค์ อเนกประสงค์ ประหยัด และคล่องตัว โดยรถรุ่นนี้เน้นไปที่ ผู้หญิงเป็นหลัก แต่ด้วยประสิทธิภาพที่แตกต่างจากไลน์การผลิตของโรงงาน จากเครื่องยนต์ระบายความร้อนด้วยพัดลมขนาด 1.45 แรงม้าที่ 4,500 รอบ/นาที บนกระบอกสูบที่ 38.4x43 มม. ได้ความจุขนาด 49.77 ซี.ซี. ในบล๊อกต้น แต่โรงงานได้ทำการเพิ่มทางเลือกสำหรับรถมวลชน ด้วยเครื่องยนต์ที่ใหญ่กว่าเป็น 3.6 แรงม้สที่5,250 รอบ/นาที บนมิติใหม่ 47x51 มม.จนได้ความจุ 88.5 ซี.ซี. และแน่นอนว่าออปชั่นดั้งเดิมที่เป็นแบบเบาะเดี่ยวบนแป้นสปริงซับ ก็ได้ถูกเปลียนมาเป็นเบาะยาวตอนเดียวที่เรียกกันว่า " Tourismo Seat " แถมยังมีชื่อเรียกติดปากอีกชื่อด้วยว่า Lusso Version
vespa 90Series ได้แตกหน่อ อีกหลายรุ่นเลยก็ว่าได้ เช่น vespa 90 ( V9A1M ) โดยได้ความโดดเด่นที่หน้าตารถ ถังกลาง ในรุ่น vespa 90SS ( Super Sprint )
เกิดขึ้นในปี 1965 มันไม่ได้ใหม่เพราะมัน เป็นแบบติดตัวจากรุ่น vespa 50SS กลับได้ใจ จากความลงตัวหลังเครื่องยนต์มากความจุถูกนำมาใช้ มันคือรถสปอร์ดที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ด้วยรูปทรงที่แคบ โดยการหั่นบังลมหน้า แฮนเดิ้ลบาร์ก็ถูกลดองศาลง vespa 90SS จึงได้รับการปรับแต่งเพื่อใช้ในสนาม ตลอดการแข่งขันแรลลี่ที่โหด จากเครื่องยนต์ 3.1แรงม้าได้ทำการปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์มาเป็น 5.1 แรงม้า ซึ่งถือว่าไม่ธรรมดาเลยสำหรับรถรุ่นเล็กนี้ แต่กลับมีปัญหา ที่ถังกลาง ซึ่งไม่เหมาะกับการขึ้นลง หรือวางของ โรงงานได้รู้ถึงปัญหาในข้อนี้ จึงได้ชลอการผลิตลง จนหยุดการผลิตลงในปี 1971 โดยมียอดขายออกมาเพียง 5,300 คัน แต่ด้วยสรรพคุณเด่น ที่ไม่สูญเปล่าของรถตลาด อารมณ์สปอร์ด บังลมเต็มกับแฮนเดิ้ลบาร์มาตราฐาน ถูกผลิตออกมาสู่ตลาดอีกครั้ง โดยได้ชื่อว่า vespa 90 Racer ( V9SS2M ) แต่กลับไม่เป็นที่นิยม ( 1971-1974 ) ไม่เหมาะนำมาใช้งาน เพราะ เครื่องแรง
หาข้อมูลเนื้อหาสาระที่พอจะหามาได้เดี่ยวหามาได้อีกจะลงเพิ่มละกัน
ขอบคุณรูปภาพ จากเวปไทยสกู๊ตเตอร์